นับตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย. เป็นต้นมา ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับ 35.70 บาท/ดอลลาร์ มาทดสอบ 33.80 บาท/ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. เป็นการแข็งค่าขึ้นกว่า 5.3% ในเวลาไม่ถึงเดือน ซึ่งหากมองในมุมเศรษฐกิจโดยรวมนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะประเทศไทยจะสามารถนำเข้าสินค้าจำเป็นต่างๆ ได้ในราคาที่ถูกลงโดยเฉพาะน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนสินค้าและบริการส่วนใหญ่
แต่สำหรับนักลงทุนทองคำในประเทศไทยอาจเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะในช่วงเวลาเดียวกันราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นจากบริเวณ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ มาถึง 1,980 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็น 4.2% แต่ราคาทองคำแท่งมาตรฐาน 96.5 ของไทยกลับแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 31,900 – 32,100 บาท/บาททอง มาตลอด
จึงอาจเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจสำหรับนักลงทุนบางส่วนที่ไม่มีเวลาเฝ้าติดตามราคามากนัก แต่เป็นช่วงเก็บเล็กผสมน้อยสำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้น เพราะการแกว่งตัวในกรอบราคาที่ชัดเจนจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนหาจุดเข้าซื้อและขายออกได้อย่างแม่นยำ และทำได้หลายครั้งติดต่อกัน
สำหรับนักลงทุนที่รอเล่นรอบที่ใหญ่กว่านี้อาจต้องรอไปอีกระยะหนึ่ง หรืออย่างน้อยก็จนกว่าการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปลายเดือน ก.ค. นี้จะได้ข้อสรุปเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ