ทองพุ่งได้อีก หากเฟดลดดอกเบี้ย
เมื่อต้นเดือน ก.ค. ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 13% จากต้นปีสอดคล้องกับราคาทองคำแท่งมาตรฐาน 96.5 ของไทยที่พุ่งขึ้นกว่า 20% ซึ่งได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า โดยขึ้นไปทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ที่ 42,000 บาท/บาททองคำในเดือน เม.ย.
สาเหตุที่ผลักดันราคาทองคำขึ้นมาในปีนี้คือประเด็นปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว โดยเฉพาะสงครามในตะวันออกกลางซึ่งกระตุ้นความกังวลว่าจะทำให้การผลิตหรือส่งออกน้ำมันจากประเทศคู่ขัดแย้งในพื้นที่ขัดแย้ง และมีโอกาสทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นเหมือนกับกรณีที่รัซเซียถูกคว่ำบาตรจากกลุ่มชาติพันธมิตรตะวันตกโดยการไม่ซื้อปิโตรเลียมจากรัซเซีย จนทำให้เกิดเงินเฟ้อพุ่งขึ้นทั่วโลกตามมา
ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะไม่บายปลายและทำให้ราคาน้ำมันลดกลับลงมาแกว่งอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการปะทะกันในพื้นที่ แต่ราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นมาแล้วยังไม่ยอมลดลง เป็นการสะท้อนมุมมองของนักลงทุนว่ายังมีความกังวลอยู่
ความกังวลที่เกิดขึ้นตามมาก็คืออัตราเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างชะลอตัว ถึงแม้ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะหันมาใช้นโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยและตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงที่สุดในรอบหลายสิบเป็นระยะเวลาอย่างยาวนาน ซึ่งกำลังเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ใช้ในการอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย
เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงจะเพิ่มต้นทุนในการกู้ยืมเงิน และเพิ่มภาระให้กับผู้กู้ซึ่งมีหนี้อยู่แล้วจนหลายธุรกิจมีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินเช่นเกิดขึ้นกับธนาคารระดับภูมิภาคหลายแห่งในสหรัฐฯ ซึ่งต้องล้มละลายไปในปี 2023
หากอัตรายังอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ต่อไปก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้ภาคธุรกิจมากขึ้น แต่ประธานเฟดได้ออกมายืนยันหลายครั้งว่ายังไม่เห็นสัญญาณการถดถอยทางเศรษฐกิจ และจะคงใช้นโยบายเดิมต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายในการลดอัตราเงินเฟ้อลงไปเหลือ 2% หรือมั่นใจได้ว่าจะเป็นเช่นนั้น
ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย (ECB) เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีในการประชุมเดือน มิ.ย. แล้ะเป็นครั้งแรกดำเนินนโยบายการเงินนำหน้าไปก่อนสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกับพื้นที่สู้รบระหว่างยูเครนกับรัซเซีย แต่ทาง ECB ก็ยังแสดงความเชื่อมั่นว่าจะควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลงไปยังเป้าหมายที่วางไว้
แต่ข้อมูลจำนวนคนว่างงานของสหรัฐฯ ล่าสุดในเดือน ก.ค. พบว่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้เฟดต้องทบทวนนโยบายการเงินแบบตึงตัวที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน
ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อทั่วไปประจำเดือน มิ.ย. ลดระดับลงสู่ 3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ช่วยเพิ่มความหวังของตลาดที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุม FOMC เดือน ก.ย. นี้ หลังจากที่เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวให้ความหวังไปแล้วว่า อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันสูงมากพอแล้ว และหากยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับสูงเป็นเวลานานเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
ราคาทองคำจึงมีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นได้อีกระลอกก่อนที่อัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างแท้จริง เพราะเงินเฟ้อเป็นปัจจัยหลักในการเข้าซื้อทองคำมาโดยตลอด หากอัตราเงินเฟ้อลดลงสู่ระดับปกติความต้องการทองคำก็จะลดลงเป็นลำดับต่อไป