นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยคาดว่าราคาจะพุ่งแตะระดับ 2,300 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากราคาทองคำทำสถิติสูงสุดไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2565 ที่ระดับราคา 2,135.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ก็เกิดการปรับฐานอย่างต่อเนื่อง เป็นการตอบสนองต่อท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องนโยบายอัตราดอกเบี้ยว่าจะยังใช้มาตรการตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนานแค่ไหน

แรงกดดันมีเพิ่มสูงขึ้นหลังรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทยอยออกมาแล้วยังอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งหมายความว่าธุรกิจของสหรัฐฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบในทางลบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานเฟดค่อนข้างชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยล่าสุดอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว แต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะลดอัตราดอกเบี้ยลง ประกอบกับสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมทั้งความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งในประเทศขนาดใหญ่หลายประเทศ และการที่ธนาคารกลางทั่วโลกนำโดยธนาคารกลางจีนได้เข้าซื้อทองคำเข้าสู่ระบบทุนสำรองนั้น จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในปี 2567

สอดคล้องกับรายงานของสภาทองคำโลก (WGC) ซึ่งเปิดเผยรายงานแนวโน้มตลาดทองคำปี 2567 (Gold Outlook 2024) โดยคาดการณ์ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐจะปรับตัวลงประมาณ 0.40% – 0.50% หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% – 1% ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำพุ่งขึ้น 4% ในปี 2567