ช่วงเช้าวันที่ 9 ต.ค. 66 ราคาน้ำมันเปิดกระโดดทันทเกือบ 20 ดอลลาร์/ออนซ์ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ และการสู้รบของทั้งสองฝ่ายรุนแรงมากจนส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นทะลุ 1,000 ราย แล้วในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบซึ่งปรับตัวขึ้นสูงเช่นเดียวกันและมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก ท่ามกลางความกังวลว่าสถานการณ์สงครามอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันดิบจากกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ทั้งในแง่การผลิตและการส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคดังกล่าว
หากย้อนกลับไปดูสงครามใหญ่ครั้งล่าสุดระหว่างประเทศรัซเซียกับยูเครน จะพบว่าราคาทองคำไม่มีความเคลื่อนไหวมากนักจนกระทั่งกลุ่มประเทศตะวันตกประกาศคว่ำบาตรธุรกิจพลังงานจากรัซเซียจนทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นจาก 1,700-1,900 ดอลลาร์/ออนซ์
สงครามในครั้งนี้มีขนาดเล็กกว่ามาก และยังไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดการคว่ำบาตรประเทศผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่รายใด ราคาทองคำจึงมีโอกาสดีดตัวขึ้นได้ในระยะสั้นเท่านั้น
เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับนีไปอีกยาวนาน ทำให้นักลงทุนที่ต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงมีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจมาทดแทนทองคำ