จับตาจ้างงานสหรัฐฯ ชี้ชะตาทอง
ราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม หลังบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่หลายรายปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐฯ หลายสิบแห่งภายในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นและเพิ่มขึ้นอย่างมากในวันที่ 29 ส.ค. หลังสหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานที่ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
จุดเริ่มต้นของการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดตลอดระยะเวลาปีกว่าที่ผ่านมาก็เพื่อดึงเงินหมุนเวียนออกจากระบบมาเก็บไว้รูปของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และต้องการให้อัตราเงินเฟ้อลดลง แต่หากทำอย่างไม่ระมัดระวังก็อาจส่งผลให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยได้ เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มภาระให้กับผู้กู้ในการชำระดอกเบี้ยที่มากขึ้น และลดแรงจูงใจในการกู้เงินมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าจะปรับตัวลงแต่ก็สูงกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งหมายความว่าเศรษฐกิจมีการชะลอตัวลงจริงแต่ยังอยู่ในระดับที่เฟดควบคุมได้
แต่การชะลอตัวลงนี้เริ่มรุนแรงมากขึ้นหลังวันที่ 29 ส.ค. ซึ่งมีการเปิดเผยรายงานตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนต่ำกว่าคาดการณ์และต่ำกว่าเดือน ก.ค. ประกอบกับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2566 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.1% ในไตรมาสดังกล่าว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% และต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.4% จึงทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่าใกล้จะถึงจุดที่เฟดควบคุมไม่ได้เข้าไปทุกที และเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่าเฟดจะยุติวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังการประชุมปลายเดือนนี้ ซึ่งจะกระตุ้นให้ทองคำกลับมาน่าสนใจมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย