คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมาซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี ในขณะที่ระดับเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่องจนเข้าใกล้เป้าหมายที่ 2% เข้าไปทุกที

จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool เปิดเผยว่าตลาดมีมุมมองต่อ Fed ว่าจะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ก.ย. โดยมีโอกาสถึง 78% และมีโอกาสที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาส 1 ปี 2024

หาก Fed ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจริงในการประชุมรอบเดือน ก.ย. นั่นหมายความว่าดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและรอวันที่จะกลับเป็นขาลงซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพันธบัตรรัฐบาลและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

หากผลตอบแทนของพันธบัตรลดลง แรงจูงใจของนักลงทุนที่ต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยก็จะเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นหากระดับเงินเฟ้อยังเท่าเดิม เพราะจากสถิตย้อนหลังหลายสิบปีของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หักลบด้วยอัตราเงินเฟ้อ เมื่อนำมาเทียบกับราคาทองคำแล้วจะวิ่งสวนทางกันเสมอ