ล่าสุดรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index : CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนมิถุนายน 2566 ลดลงเหลือเพียง 3% เป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีกว่า นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 ซึ่งอยู่ที่ 2.6%

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมานี้ เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้บริโภค และตลาดเงินตลาดทุน ดังนั้นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเริ่มลดความมุ่งมั่นที่จะใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวอย่างที่เคยทำมาตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตามนักเศรฐศาสตร์และนักลงทุนยังคงตั้งข้อสงสัยว่าอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมานี้จะเพียงพอหรือไม่ เพราะนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงย้ำเป้าหมายของเฟดในการลดอัตราเงินเฟ้อลงให้เหลือ 2% อย่างต่อเนื่อง

แต่ในระยะสั้นตลาดได้ตอบสนองต่อข้อมูลนี้โดยมีความเคลื่อนไหวเม็ดเงินจากฝั่งสหรัฐฯ ไปยังตลาดยุโรปอย่างมหาศาลในเวลาไม่กี่วัน เพราะเงินเฟ้อในยุโรปยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากสงครามในยูเครนยังคงไม่ยุติ และธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank: ECB) เริ่มมีความเคลื่อนไหวในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อเฟ้อลงมาด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ราคาทองคำจึงได้รับผลบวกไปด้วยเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงภายหลังกระแสเงินลงทุนไหลออกไปยังยุโรป แต่ยังคงต้องติดตามการประชุมของเฟดในปลายเดือนนี้ว่าจะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์หรือไม่ ในช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสในการเก็งกำไรระยะสั้น