Morning News Update 20-02-2568 ตลาดทองคำนิวยอร์ก
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (19 ก.พ.) โดยตลาดถูกกดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตามาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
.
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 12.90 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 2,936.10 ดอลลาร์/ออนซ์
.
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.11% แตะที่ระดับ 107.173 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
.
นักลงทุนจับตาการประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่ของสหรัฐฯ หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโกในวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เขามีความตั้งใจที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% ส่วนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และยาก็จะอยู่ในอัตราเดียวกัน หรืออาจจะสูงกว่า โดยปธน.ทรัมป์ระบุว่าอาจจะมีการประกาศอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ครั้งใหม่ในวันที่ 2 เม.ย.
.
ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ ซึ่งรวมถึงบริษัทของญี่ปุ่น เยอรมนี และเกาหลีใต้ อาจจะได้รับผลกระทบอย่างมากหากปธน.ทรัมป์นำมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์มาใช้
.
ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า มาตรการภาษีศุลกากรจะช่วยฟื้นฟูการผลิตภายในประเทศ และจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยในสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศในอัตรา 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มี.ค.
.
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ม.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และกังวลว่ามาตรการต่าง ๆ ของปธน.ทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการภาษีศุลกากร อาจจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของเฟดในการฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
ที่มา : https://www.ryt9.com