สภาทองคำโลกชี้ 3 ปัจจัย หนุนราคาทองปี 68
“เซาไก ฟาน” (Shaokai Fan) หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าธนาคารกลางระดับโลก สภาทองคำโลก (World Gold Council : WGC) แสดงความเห็นถึงแนวโน้มความต้องการทองคำทั่วโลกในไตรมาส 4/2567 และทั้งปี 2567 ต่อเนื่องในปี 2568
โดยระบุว่า ความต้องการทองคำภาคผู้บริโภคของประเทศไทยแข็งแกร่งและโดดเด่นตลอดทั้งปี 2567 โดยตลาดทองคำยังคงเติบโตและได้รับความนิยมในช่วงที่เศรษฐกิจและการเมืองของประเทศไทยมีความไม่แน่นอน เราพบว่านักลงทุนไทยมองทองคำเป็นทั้งเครื่องมือที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงและเป็นเครื่องมือสำหรับการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
ในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนตัว นักลงทุนในประเทศได้ใช้ทองคำเพื่อช่วยปกป้องมูลค่าการลงทุน และในขณะที่ราคาทองคำพุ่งสูงในไตรมาส 3 นักลงทุนไทยได้เข้าหาผลตอบแทนจากทองคำ แม้ว่าจะเป็นสินทรัพย์ที่ถือครองเพื่อความปลอดภัยเป็นหลัก แต่นักลงทุนก็สามารถใช้ทองคำเพื่อแสวงหาผลกำไรได้เช่นกัน และตลาดของประเทศไทยก็ยังมีศักยภาพในการพัฒนาขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นอีกมาก
สำหรับแนวโน้มความต้องการทองคำทั่วโลกในไตรมาส 4/2567 เราเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อทองคำได้แก่
1.นโยบายการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ที่จะยังคงส่งผลต่อราคาทองคำ
2.ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางและผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำให้เกิดการแบ่งขั้วกันอย่างรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความสนใจในการลงทุนทองคำและอาจทำให้ปริมาณการรีไซเคิลทองคำมีน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
3.แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเปลี่ยนแปลงทิศทางแนวโน้มของทองคำได้
ส่วนความต้องการทองคำทั่วโลกในปี 2568 เนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่ในระดับสูง และมีความเป็นไปได้น้อยที่ความตึงเครียดเหล่านี้จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้ ประกอบกับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม สภาพการณ์เหล่านี้จะสนับสนุนให้ความต้องการทองคำจากนักลงทุนมีความแข็งแกร่งต่อไป
รวมทั้งนโยบายเศรษฐกิจภายหลังจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่มีนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ดูเหมือนว่าจะเกิดความผันผวนทั้งในและต่างประเทศ จะมีความสำคัญมากขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์ทางการเงิน รวมถึงทองคำ สิ่งนี้ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่นักลงทุนจะต้องป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน ซึ่งทองคำสามารถตอบสนองบทบาทดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวิเคราะห์ของเราจากข้อมูลในอดีตที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าทองคำมักให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเล็กน้อยในช่วง 6 เดือนก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันจะชนะการเลือกตั้ง และอยู่ในระดับคงที่ช่วงภายหลังการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามผลลัพธ์เหล่านี้ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
โดยรวมแล้ว ผลจากการวิเคราะห์เชิงลึกของเราเกี่ยวกับทองคำและการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ชี้ให้เห็นว่าทองคำไม่ได้ตอบสนองโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงของพรรคการเมืองหรือผู้นำ แต่สะท้อนถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกที่สำคัญ มากกว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง