ร้านทองจีนอ่วม กำไรร่วงกว่าครึ่ง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัท โจวไทฟุก จิวเวลรี่ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกเครื่องประดับรายใหญ่ที่สุดในจีนมีรายได้ลดลง 20.4% ในช่วงครึ่งปีที่สิ้นสุดในเดือนกันยายน ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมกับราคาทองที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย
บริษัทประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า รายได้ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 39,400 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 1.7 แสนล้านบาท ถึงแม้จะมีรายได้สูง แต่กำไรกลับลดลงอย่างมากถึง 44.4% เหลือเพียง 2,600 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักของการลดลงครั้งนี้มาจากการขาดทุนจากการลงทุนในทองคำ เนื่องจากราคาทองคำในตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและคาดเดาได้ยาก
ปัญหาเศรษฐกิจในจีนแผ่นดินใหญ่ กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้ผลิตอัญมณีรายนี้ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้ยอดขายในจีน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของรายได้ทั้งหมด หดตัวลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในฮ่องกงที่ล่าช้าก็ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลง ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาฐานลูกค้าและผลประกอบการ
ยอดขายในร้านค้าที่บริษัทบริหารเองในจีนแผ่นดินใหญ่ลดลง 25.4% และในฮ่องกงและมาเก๊า ลดลงถึง 30.8% ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไร บริษัทจึงตัดสินใจปิดสาขาร้านแฟรนไชส์ไปแล้ว 239 สาขา