ส่อง 4 ปัจจัย ดันราคาทองไปต่อ
นับตั้งแต่ต้อนปี 2567 ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 40% ส่วนทองคำแท่งมาตรฐาน 96.5 ของประเทศไทยปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 30% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่สูงมากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงชนิดอื่น และยังมีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาทองคำต่อไปได้อีกจาก 4 ปัจจัยหลักดังนี้
ธนาคารกลางซื้อทองเพิ่ม
สภาทองคำโลก รายงานว่า ธนาคารกลางต่างๆ ซื้อทองคำไปแล้ว 483 ตันในช่วงครึ่งปีแรก การซื้อครั้งใหญ่ครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการกระจายความเสี่ยงออกจากเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยมีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินของสหรัฐฯ และหนี้สาธารณะซึ่งถือเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจในปัจจุบันและจะยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ปัจจุบันธนาคารกลางทั่วโลกถือครอง "ทองคำสำรอง" ทั้งหมดอยู่ที่ 12.1% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 และเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
นักลงทุนรายใหญ่ต้องกระจายการลงทุน
ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางได้ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วและเริ่มมีสัญญาณว่ากำลังลุกลามมากขึ้น มีผลกระทบโดยตรงต่อนักลงทุนทั่วโลกโดยเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ให้ต้องลดความเสี่ยงและกระจายเงินลงทุนมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งทองคำคือหนึ่งในตัวเลือกแรก
ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นดึงดูดแรงเก็งกำไร
การไต่ระดับของราคาอย่างรวดเร็วและเม็ดเงินลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาในตลาดทองคำจำนวนมากทำให้เกิดสภาพคล่องและการแกว่งตัวของราคาที่สูงขึ้นด้วย ซึ่งเป็นสภาพตลาดที่นักเก็งกำไรชื่นชอบ เพราะสามารถวางกลยุทธ์ซื้อขายและรับรู้ผลกำไรหรือขาดทุนได้อย่างรวดเร็วก่อนที่ตลาดจะซาลงแล้วหันไปเก็งกำไรในสินทรัพย์ชนิดอื่นในระยะต่อไป
ปริมาณทองใกล้หมด
ถึงแม้จะยังเป็นเพียงตัวเลขคาดการณ์ แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้มั่นใจได้ว่าภายในศตวรรษนี้มนุษย์จะยังไม่สามาถผลิตแร่ทองคำขึ้นมาใช้ในเชิงพาณิชย์ และหากไม่สามารถค้นหาวิธีใหม่ในการถลุงแร่ทองคำขึ้นมาได้ จากอัตราการขุดของเหมือนทองที่มีอยู่ในปัจจุบัน สามารถประมาณการได้ว่าจะเหลือทองคำให้ขุดได้อีกไม่เกิน 19 ปีเท่านั้น และกระแสความกังวลนี้กำลังเริ่มแพร่กระจายออกไปมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้นักลงทุนทั่วโลกเริ่มเก็บสะสมทองคำมากขึ้นไปด้วย