บาทอ่อนแรง เพิ่มโอกาสทองไทยแซงทองโลก
ก่อนหน้านี้ค่าเงินบาทได้แข็งค่าต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ 36.5 บาท/ดอลลาร์ จนเหลือเพียง 32.30 บาท/ดอลลาร์ ในปลายเดือน ก.ย. ทำให้ภาคเอกชนฝั่งส่งออกให้ความกังวลว่าการที่บาทแข็งค่าเร็วเกินไปจะกระทบขีดความสามารถในการแข่งขันและรายได้ของผู้ประกอบการ จนฉุดเป้าการเติบโตเศรษฐกิจในภาพรวม ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องเริ่มเข้าแทรกแซงไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งมากเกินไปจนจัดเป็นสกุลเงินที่แข็งค่าเร็วที่สุดในภูมิภาค
ขณะที่ราคาทองคำโลก (Gold Spot) ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องจนแตะระดับ 2,685 ดอลลาร์/ออนซ์ ในเดือน ก.ย. แต่ราคาทองคำแท่งประเทศยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบและไม่สามารถสร้างจุดสูงใหม่ได้ เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้การนำเข้าทองคำมีต้นทุนถูกลง และต้องมีราคาขายที่ต่ำตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยทองกว่า 57% มองว่าราคาทองคำมีโอกาสจะปรับเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และการปรับนโยบายมาเป็นมุ่งเน่นการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ แสดงความเห็นว่า ถึงแม้ราคากลางทองคำในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งประเมินว่าแนวโน้มราคาทองคำจะสามารถยืนเหนือระดับ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ และปรับตัวขึ้นต่อไปได้ จากคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกจนถึงปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนที่ต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยหันมาถือทองคำแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มากขึ้น
ทำให้แนวโน้มในระยะกลาง-ยาว ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นและทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง ส่วนจะถึง 45,000 บาท หรือไม่ ต้องติดตามทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยน
พร้อมชี้ให้เห็นว่า ทุกการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาททั้งการอ่อนค่าและแข็งค่า 1 บาท จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในประเทศ ให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ถึง 1,000 บาท ซึ่งถือเป็นระดับที่ค่อนข้างสูง ราคาทองคำจึงสามารถปรับตัวขึ้นได้หลายร้อยบาทในวันเดียว ถึงแม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะแทบไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านแนวโน้มค่าเงินบาทในปัจจุบันเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง โดยเป็นผลมาจากทั้งปัจจัยภายในประเทศซึ่ง ธปท. ได่เข้าแทรกแซง และปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายงานตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งออกมาดีเกินเกินคาดจำนวนมาก ประกอบกับการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าเฟดรวมไปถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้แสดงความมั่นใจต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่ายังคงแข็งแกร่งส่งสัญญาณว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 0.50% ในปีนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จึงเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นและมีส่วนยิ่งทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
หากสถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงไม่คลี่คลาย จะทำให้ความต้องการทองคำมีอยู่และนักวิเคราะห์จำนวนมากเห็นตรงกันว่าราคาทองคำแท่งในประเทศมีโอกาสขยับขึ้นไปยืนเหนือ 42,500 บาท/บาททอง ได้ก่อนสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนแล้ว ทองคำก็ถือเป็นสินทรัพย์ที่ลงทุนได้ดีในระยะยาว แต่หากต้องการลงทุนระยะสั้นหรือเก็งกำไรใน Gold Spot ก็ควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้นพร้อมติดตามปัจจัยที่เก่ยวข้องอย่างใกล้ชิด