เฟด พร้อมขึ้นดอกไม่ถอย แต่ทองก็ไม่ลง
ในสถานการณ์ปกติหรือตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่าที่ผ่านมา ราคาทองคำจะถูกกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หรือแค่การแสดงท่าทีว่าอาจมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก ก็สามารถฉุดราคาทองคำลงมาได้แล้ว เพราะผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จะมีผลตอบแทนมากขึ้นและนักลงทุนที่ต้องการซื้อต้องแลกเปลี่ยนเงินเป็นสกุลดอลลาร์เพื่อที่จะสามารถซื้อพันธบัตรของสหรัฐฯ
แต่เมื่อเกิดการประกาศสงครามระหว่าง อิสราเอล-ฮามาส ในขณะที่ราคาทองคำกำลังปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องก็เปิดกระโดดทันทีในเช้าวันจันทร์ที่ 8 ต.ค. 66 จากราคาปิดที่ 1,832 – 1,847 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องถึงแนวต้านสำคัญที่ 1,980 ดอลลาร์/ออนซ์ คิดเป็นการปรับตัวขึ้นกว่า 8% ในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์
ถึงแม้ว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูงหลายรายก่อนหน้านี้ส่งสัญญาณว่าเฟดพร้อมใช้มาตรการที่รุนแรงต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% พร้อมการเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง
แต่หากอ้างอิงจากสงครามครั้งล่าสุดระหว่าง รัซเซีย-ยูเครน หากมีหลักฐานชี้ชัดเมื่อไหร่ว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุยแรงขยายวงไปกว่าเดิม หรือแม้สงครามจะไม่จบลง แต่หากไม่กระทบกับสินค้าสำคัญทางเศรษฐกิจสำคัญอย่างน้ำมันดิบ ก็จะทำให้ราคาทองคำปรับฐานลงมาอย่างรวดเร็ว